
โบราณสถาน El Tajín ตั้งอยู่ในรัฐเบรากรูซ ทางใต้ของเม็กซิโก เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในยุคคลาสสิคของเมโสอเมริกา เมืองนี้สร้างขึ้นด้วยซีเมนต์เป็นช่องๆ ด้วยสถาปัตยกรรมที่ไม่รู้จัก ภายในเมืองมี Pyramid of the Niches ที่โดดเด่น มีวัง Tajín Chico มีสนามบอลถึง 20 แห่ง (ที่ค้นพบแล้ว) และอาคารอื่นๆอีกมากมาย เมืองนี้รอดพ้นจากการรุกรานของชาวยุโรป เพราะชาวยุโรปยังไม่รู้ว่ามีเมืองนี้อยู่ จนเมื่อรัฐบาลเม็กซิโกค้นพบเข้าโดยบังเอิญ

จาการศึกษาเมือง El Tajín พบว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 5,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตั้งแต่มนุษย์มีวิถีชีวิตแบบเร่ร่อน จนมีการทำการเกษตรและตั้งถิ่นฐานถาวร เมืองนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าอารยธรรมโอลเมก (Olmec) ที่อยู่ใกล้ๆซะอีก ซึ่งก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนสร้างเมืองนี้ขึ้นมา แต่ก็มีหลักฐานสำคัญที่บอกว่า ชาว Huastec มาสร้างบ้านเรือนที่นี่ตอนศตวรรษที่ 1
สิ่งก่อสร้างต่างๆที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 7 ซึ่งเมืองนี้เจริญขึ้นเร็วมาก เพราะว่า มีที่ตั้งที่ดี เป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้ากันในยุคเมโสอเมริกาเก่า ศตวรรษที่ 7-12 เป็นยุครุ่งเรืองของเมือง มีการสร้างวิหาร วัง สนามบอล และพีระมิดไว้มากมาย มีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่กว่า 50 ชนเผ่า

ปลายยุคคลาสสิค ผู้คนอพยพออกจากเมือง El Tajín และเมื่อสิ้นสุดยุคคลาสสิค เมืองนี้ก็ล่มสลายลง หลังจากนั้นช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เมืองโดนเผาทำลาย คาดว่าน่าจะเป็นชาว Chichimecs ส่วนชาวเมืองก็ไปตั้งเมืองใหม่ที่ Papantla แล้วเมือง El Tajín ก็โดนปล่อยทิ้งร้างอยู่กลางป่านานกว่า 500 ปี จนรัฐบาลไปพบเข้าโดยบังเอิญ และไม่มีหลักฐานว่ามีชาวยุโรปค้นพบหรือรุกรานเมืองนี้

Comments