โลกเราที่กว้างใหญ่นี้ มีสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นมากมาย สร้างความประหลาดใจให้คนที่พบเห็น ซึ่ง 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ มีการพูดถึงครั้งแรกในผลงานของเฮโรโดตุส (Herodotos) เมื่อศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช แต่ผู้จัดทำเป็นใครยังไม่ทราบอย่างชัดเจน
ส่วน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จัดทำโดยมูลนิธิ New7Wonders องค์การในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2550 มีรายชื่อดังนี้
Chichen Itza
เมืองชิเชนอิตซา เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายของอาณาจักรมายา มีพีระมิดขั้นบันไดฐานสี่เหลี่ยม ซึ่งมีชื่อว่า Kukulkan หรือ El Castillo เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ลองตบมือหน้าพีระมิดจะได้ยินเสียงของเทพเจ้า Quetzalcoatl ตอบกลับมา
Machu Picchu
เมืองโบราณมาชูปิกชู หรือ เมืองสาปสูญแห่งอินคา สร้างขึ้นบนหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นเมืองของอารยธรรมอินคาผู้ชาญฉลาด สร้างด้วยเทคนิคพิเศษ หลังจากเมืองนี้ล่มสลายก็ถูกทิ้งร้างไปกว่า 300 ปี ถึงจะมีคนมาพบเมืองนี้อีกครั้งหนึ่ง
Christ Redeemer
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ตั้งเด่นเป็นสง่าบนยอดเขาโคคาวาโด ในเมืองริโอเดจาเนโร มีความสูง 38 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 9 ปี ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก
Petra
นครเพตรา หรือ นครศิลาทรายสีชมพู เป็นเมืองแกะสลักหน้าผาหินในหุบเขากลางทะเลทราย ท่ามกลางความแห้งแล้ง เมืองเพตรากลับมีแหล่งน้ำจืดที่เรียกว่า วาดี มูซา ทำให้เมืองนี้เป็นจุดแวะพักที่สำคัญของเหล่าพ่อค้าในอดีต
Great Wall of China
กำแพงเมืองจีน หรือ กำแพงหมื่นลี้ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เพื่อปกป้องเมืองจากการรุกราน จากการสำรวจพบว่า รวมๆแล้วกำแพงมีความยาวประมาณ 22,000 กิโลเมตร ยาวมากกกกก
Colosseum
สนามกีฬาโคลอสเซียม เป็นสนามกีฬาโบราณขนาดยักษ์ จุคนได้หลายหมื่นคน สร้างขึ้นช่วงปี 70 มีอายุประมาณ 2,000 ปี กับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมของชาวโรมัน ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในยุคปัจจุบันด้วย
Taj Mahal
ทัชมาฮาล สร้างขึ้นโดยจักพรรดิ ชาห์ จาฮาน เพื่อใช้เป็นที่ฝังพระศพของพระมเหสีมุมทัช มาฮาล ต่อมาจักรพรรดิ ชาห์ จาฮานสิ้นพระชนม์ และพระศพของพระองค์ได้ถูกฝังอยู่เคียงข้างพระมเหสีในทัชมาฮาล จึงเป็นสุสานหินอ่อนแห่งความรักที่งดงามมาก