
พิพิธภัณฑ์เมฟลานาเป็นสุสานของเมฟลานา เจลาเลดดิน รูมี (Mevlana Celaleddin Rumi) ผู้วิเศษในศาสนาอิสลาม และในอดีตเคยเป็นสำนักของพวกเดอร์วิช (Dervish) ซึ่งมีหน้าที่ในการชักชวนชาวคริสต์ให้หันมานับถือศาสนาอิสลาม ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
ที่ตั้ง : เมืองคอนยา ประเทศตุรกี

รูมีเป็นกวีเอกชาวอัฟกานิสถาน ผู้เขียนบทกลอนเป็นภาษาเปอร์เซีย บรรยายเรื่องพระผู้เป็นเจ้าและเขียนหนังสือสวดมนต์ด้วยมือ รวมทั้งบทกวีเพลงบรรเลงขลุ่ยต้นอ้อ ที่ฟังแล้วรู้สึกล่องลอย ต่อมาสุลต่านเซลจุกได้เชิญเขามาที่เมืองคอนยาเพื่อเขียนบทกวีลี้ลับเป็นภาษาเปอร์เซีย โดยตอบแทนเป็นการสร้างสวนกุหลาบเป็นสุสานให้พ่อของรูมี

รูมีและนักบวชอิสลาม ชื่อ เชมซี เทบริซลิ ร่วมกันคิดวิธีทำสมาธิ โดยการเดินหมุนพร้อมฟังเสียงขลุ่ยต้นอ้อด้วย (Whirling Derivsh) ระหว่างการทำสมาธิจะรู้สึกเหมือนตัวลอยได้ โดยหมุนไปทางเดียวกันตลอด 2 ชั่วโมงเต็มๆ แต่ก่อนจะเริ่มทำสมาธิได้ ต้องฝึกการทรมานก่อนเป็นเวลา 1,001 วัน ในปี 1273 รูมีก็เสียชีวิตลง

หลังความตาย ผู้สืบทอดต่อจากรูมีได้สร้างสุสานของรูมีขึ้น ซึ่งสร้างเสร็จในปี 1274 ต่อมา Emir Alameddin Kayser และ Gürcü Hatun ได้สร้างยอดโดมขึ้น เป็นเครื่องดินเผาเคลือบลงสีเทอร์ควอยซ์ (สีฟ้าอมเขียว) แล้วก็มีการต่อเติมเรื่อยๆอีกหลายครั้ง จนกระทั่งปี 1854 มีการเพิ่มแท่นตั้งศพไม้สลัก ในวันที่ 6 เมษายน 1926 ที่นี่ก็ได้ตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์
Comments